ติดต่อเรา
กรุณาติดต่อเราในฟอร์มด้านล่าง
Loading...
พลิกโฉมการแจ้งเตือนในอุตสาหกรรมยุคดิจิทัล ด้วยไฟสัญญาณอัจฉริยะ LR5-LAN จาก PATLITE
21/08/2025
PATLITE (THAILAND) CO., LTD.
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการผลิตถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและระบบการทำงานอัตโนมัติ ซึ่งความสามารถในการแจ้งเตือนสถานะการทำงานของเครื่องจักรหรือกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และไฟสัญญาณเตือน หรือ Signal Tower Light จึงมีบทบาทสำคัญในยุคที่โรงงานผลิตหลายแห่งก้าวสู่แนวคิด Smart Factory
ในบทความนี้ขอแนะนำคุณสมบัติเด่นของ LR5-LAN จาก PATLITE ซึ่งจะมาพลิกโฉมการแจ้งเตือนในอุตสาหกรรมการผลิต
สร้างข้อมูลแสงกระพริบจากไฟสัญญาณสู่ข้อมูลเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
ถึงแม้การใช้ไฟสัญญาณในอุตสาหกรรมจะเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วและเป็นอุปกรณ์ที่เรียบง่าย แต่สำหรับการบริหารจัดการสายการผลิตนั้น ไฟสัญญาณเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดเวลาหยุดของเครื่องจักร และเพิ่มการมองเห็นให้กับผู้ปฏิบัติงานและผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมการผลิต กล่าวได้ว่า ไฟสัญญาณสามารถตอบโจทย์โรงงานอัจฉริยะได้เป็นอย่างดี เพราะ
✓ สามารถตรวจสอบสถานะของเครื่องจักรได้จากระยะไกลแบบเรียลไทม์
✓ ลดการพึ่งพาการตรวจสอบทางสายตาของพนักงานในสายการผลิต
✓ เชื่อมต่อกับระบบเก็บข้อมูล ทำให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้
LR5-LAN เป็นไฟสัญญาณเตือนแบบชั้นที่รองรับการเชื่อมต่อ Ethernet (LAN) ช่วยให้การควบคุมและติดตั้งง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้บอร์ดเอาต์พุตแบบหน้าสัมผัส ลดจำนวนสายเชื่อมต่อ และเพิ่มประสิทธิภาพในการแจ้งเตือนภายในระบบอุตสาหกรรม
■คุณสมบัติเด่นของ LR5-LAN
1. ควบคุมผ่าน LAN โดยตรง
・รองรับโปรโตคอล HTTP และ Modbus/TCP
・สามารถควบคุมจาก พีซีอุตสาหกรรม (IPC) หรือ PLC ได้โดยตรง
・ลดความซับซ้อนของระบบ ไม่ต้องใช้บอร์ดเอาต์พุตแบบหน้าสัมผัส
▲ เชื่อมต่อกับพีซีอุตสาหกรรมหรือ PLC ได้โดยตรง
2. รองรับการแจ้งเตือนในระบบอุตสาหกรรม
・สามารถเชื่อมต่อกับ SCADA และระบบ MES
・แจ้งเตือนไม่เพียงแค่บนหน้าจอ แต่ยังส่งสัญญาณผ่านไฟสัญญาณเตือนแบบชั้น เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานรับรู้สถานะได้ง่ายขึ้น
3. ออกแบบให้ใช้งานง่าย
・มีฟังก์ชันสร้างคำสั่งอัตโนมัติผ่านเว็บเบราว์เซอร์
・มีโค้ดตัวอย่างให้ใช้งาน รองรับทั้ง Windows® และ Linux
・รองรับค่าตั้งล่วงหน้าสำหรับการกระพริบไฟ 7 รูปแบบ
4. ฟังก์ชันตรวจสอบการเชื่อมต่อ
・สามารถตรวจสอบสถานะการเชื่อมต่อของอุปกรณ์หลัก
・หากการเชื่อมต่อล้มเหลว หน่วย LED จะส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติ
5. ติดตั้งและใช้งานง่าย
・รองรับการจ่ายไฟ 24V DC ผ่าน RJ-45 (LAN) ช่วยลดการเดินสาย
・หากไม่มีแหล่งจ่ายไฟ 24V DC สามารถใช้อุปกรณ์เสริม ADP-001C เพื่อเชื่อมต่อกับเต้าเสียบ AC ได้
▲ เต้าเสียบของ LR5-LAN
ข้อดีของ LR5-LAN คือความสามารถในการควบคุมผ่าน Ethernet (LAN) โดยตรง ซึ่งสามารถลดต้นทุนได้โดยไม่ต้องใช้บอร์ดเอาต์พุตแบบสัมผัส อีกทั้งยังรองรับการแจ้งเตือนจาก SCADA และ MES พร้อมกันนั้นยังมีฟังก์ชันสร้างคำสั่งอัตโนมัติผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ตลอดจนลดภาระงานด้านการเดินสายไฟและรองรับการจ่ายไฟที่ยืดหยุ่น
ความท้าทายของการเปลี่ยนผ่านจากระบบเดิม สู่ระบบเครือข่ายด้วย LR5-LAN
ปัจจุบัน ไฟสัญญาณในโรงงานมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสืบเนื่องมาจากปัจจัยทางเทคโนโลยี ความปลอดภัย และแนวโน้มด้านอุตสาหกรรม
ตัวอย่างการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม
■โรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป
ลักษณะการใช้งาน: มีขั้นตอนที่ต้องตรวจสอบอุณหภูมิและซีลบรรจุภัณฑ์ โดยสัญญาณไฟทั้ง 3 สีจะช่วยแจ้งสถานะการทำงาน ซึ่งสถานะการทำงานต่าง ๆ จะถูกส่งผ่าน LAN ไปยังห้องควบคุม และเชื่อมกับระบบ MES เพื่อบันทึกเวลาที่เครื่องหยุดทำงาน นำไปสู่การช่วยปรับปรุง OEE ในการทำงานได้
▲ ตัวอย่างการติดตั้งบนเครื่องจักรภายในโรงงาน
■โรงงานผลิตรถยนต์
ลักษณะการใช้งาน: ในสายการประกอบชิ้นส่วนรถยนต์จำเป็นต้องควบคุมคุณภาพในแต่ละจุด ซึ่งแต่ละจุดตรวจมีการติดตั้ง LR5-LAN เพื่อตรวจสอบการทำงานในแต่ละจุด หากพบการประกอบที่ผิดปกติหรือต้องตรวจสอบเพิ่ม จะมีแจ้งเตือนทันทีที่หน้าจอของหัวหน้าในสายการประกอบ พร้อมกันนั้นยังเก็บข้อมูลด้านคุณภาพไว้เพื่อวิเคราะห์การแก้ไขในอนาคตอีกด้วย
■คลังสินค้า
ลักษณะการใช้งาน: ในคลังสินค้ามีสายพานลำเลียงและระบบคัดแยกสินค้าจำนวนมาก ซึ่งการติดตั้ง LR5-LAN จะทำให้พนักงานมองเห็นได้จากระยะไกลและตรวจสอบการทำงานผ่านแดชบอร์ดได้แบบเรียลไทม์ นำไปสู่การลดเวลาในการแก้ไขปัญหาหน้างานได้
▲ แจ้งเตือนผ่าน SCADA และระบบอื่นๆ
ไฟสัญญาณแบบชั้นรุ่น LR5-LAN จาก PATLITE มีความแตกต่างจากไฟสัญญาณทั่วไปในหลายด้าน ซึ่งทำให้มีความโดดเด่นและเหมาะกับการใช้งานในระบบอุตสาหกรรมยุคใหม่ โดย LR5-LAN ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย และไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดยุ่งยาก จึงลดอุปสรรคด้านเทคนิคได้มาก กล่าวได้ว่า ไฟสัญญาณเตือนอัจฉริยะอย่าง LR5-LAN ไม่ได้เป็นเพียง “ไฟกระพริบ” บนเครื่องจักรเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลในสายการผลิต ด้วยการเชื่อมต่อและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้โรงงานสามารถรับมือกับปัญหาได้เร็วยิ่งขึ้น วางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันได้แม่นยำ และขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย Industry 4.0 ได้อย่างมั่นคงพร้อมกัน
