นายมารา วาร์วิค ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย บรูไน มาเลเซียและฟิลิปปินส์เผยรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ของธนาคารโลกในปี 2561 ว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประประกอบธุรกิจอยู่ในอันดับที่ 27 จาก 190 ประเทศทั่วโลก ลดลง 1 อันดับ เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามคะแนนรวมเพิ่มขึ้นโดยได้คะแนน 78.45 จาก 77.39 คะแนนในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการอำนวยความสะดวกดีขึ้นใน 7 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย ด้านการชำระภาษี ด้านการค้าระหว่างประเทศ และด้านการแก้ปัญหาหารล้มละลาย
โดยการขอใช้ไฟฟ้าเป็นด้านที่ได้คะแนนเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่สุดจนติดอันดับ 6 ของโลก ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงบรรยากาศในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอกชนที่ทำธุรกิจในประเทศให้ดีขึ้น
น.ส.จอร์เจีย วาเลน รักษาการผู้จัดการธนาคารโลกเผยว่าการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ เป็นเครื่องมือหนึ่งเท่านั้นในการวัดขีดความสามารถของประเทศ ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่ช่วยให้รัฐบาลนำไปปรับปรุงแนวทางหรือปฏิรูปส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยจะเห็นว่าประเทศไทยมีการปรับแพลตฟอร์มการจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ การฟ้องคดีออนไลน์ เป็นต้น ตามแนวทางด้านดิจิทัลและนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ผู้บริโภคหรือผู้มีส่วนได้เสียเข้าสู่ขั้นตอนต่างๆ ได้รวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ธนาคารโลกได้เปลี่ยนหลักเกณฑ์การจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจใหม่จากเดิมที่ใช้ระยะห่างจากเป้าหมายที่กำหนด (Distance to Frontier :DTF) มาเป็นการวัดแบบ Ease of Doing Business Score ( EODB) เพื่อให้การคำนวณสะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด โดยวิธีนี้ประเทศที่ดีที่สุดในแต่ละตัวชี้วัด จะได้คะแนนเต็ม 100 ขณะที่ ประเทศที่ทำได้ไม่ดีที่สุดในตัวชี้วัดนั้นจะได้คะแนน 0 คะแนน ส่วนประเทศอื่นจะได้คะแนนตามผลงานที่ทำได้เมื่อเทียบกับ Benchmark ดังกล่าว